เตือน “คาวาซากิ” โรคในเด็กเล็กอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

โรคคาวาซากิ เป็นโรคในเด็กเล็ก จะมีไข้สูงหลายวัน ทานยาลดไข้ไม่ค่อยลด ตาแดงเรื่อโดยไม่ค่อยมีขี้ตา ลิ้นแดงคล้ายผลสตรอเบอรี่ ริมฝีปากแดงแห้งแตก มือเท้าบวม มีผื่นตามตัว อย่ารอช้ารีบพบแพทย์ทันที เพราะถึงแม้ว่าอาการของโรคจะสงบไปได้เอง แต่มีภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่หัวใจ และหลอดเลือดที่หัวใจมักมีการอักเสบ แต่มักไม่รุนแรง ที่หลอดเลือดพบภาวะแทรกซ้อนได้บ่อย จะมีอันตรายที่หลอดเลือดหัวใจซึ่งอาจโป่งพอง อุดตัน ทำให้หัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงได้ อันตรายถึงชีวิตได้

 

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่าโรคนี้เป็นโรคที่มีการอักเสบของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบบ่อยในช่วงอายุ 1-2 ปี ข้อมูลของเราคล้ายกับในต่างประเทศที่กว่าร้อยละ 95 จะมีอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง และพบว่าในเด็กที่อายุน้อยๆ และเพศชาย จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าเด็กโตๆ หรือผู้หญิง ภาวะแทรกซ้อนอาจรุนแรงตั้งแต่วันแรกๆ ของโรค มีช็อก เสียชีวิตได้ แต่พบน้อย ภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ ต้องตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องตรวจ Echocardiogram ว่ามีหลอดเลือดหัวใจผิดปกติหรือไม่ เพราะถ้าผิดปกติ จะมีโอกาสเกิดการขาดเลือดของกล้ามเนื้อหัวใจ เสียชีวิตเฉียบพลันได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ

 

นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคคาวาซากิ ของเราพบประมาณ 70-100 ราย/ปี ถ้านับทั่วประเทศก็จะประมาณ 300 ราย/ปี เป็นโรคที่มีการอักเสบของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสบางชนิด เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองรุนแรงผิดปกติ ผู้ป่วยมักมีไข้สูงหลายวัน ตาแดง ปากแดง เป็นลักษณะเด่นที่แยกโรคนี้จากไข้หวัดธรรมดาได้

 

สิ่งที่สำคัญสำหรับโรคนี้คือ อาจพบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ หลอดเลือดหัวใจโป่งพอง เป็นภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายตั้งแต่อายุน้อยได้ ถ้าพบแพทย์เร็ว ให้การรักษาด้วยยาในระยะแรกๆ ของโรคจะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ และหลอดเลือดเหล่านี้ได้ โดยถ้าไม่ใช้ยาจะเกิดภาวะแทรกซ้อนเกินร้อยละ 30 แต่เมื่อให้ยาแล้วจะเหลือต่ำกว่าร้อยละ 5 ทั้งยังทำให้อาการไข้หายอย่างรวดเร็วด้วย ยานี้เป็นภูมิคุ้มกันชนิดเข้มข้น มีต้นทุนที่สูงเนื่องจากต้องใช้กระบวนการผลิตที่ยุ่งยาก ซับซ้อน จึงจะปลอดภัยในการนำมาใช้ แต่สิทธิในหลักประกันสุขภาพครอบคลุมการใช้ยานี้ได้ในโรคคาวาซากิ เด็กที่เป็นโรคนี้ต้องได้รับการติดตามโดยกุมารแพทย์โรคหัวใจด้วยการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นใน 2-3 เดือน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ปรับระยะเวลาการให้วัคซีนบางชนิดให้เหมาะสม ในกรณีที่มีหลอดเลือดหัวใจโป่งพอง ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาแอสไพรินไปจนกว่าหลอดเลือดหัวใจจะกลับมาเป็นปกติ ในบางรายอาจต้องไปสวนหัวใจ หรือผ่าตัดเพื่อขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน

 

แหล่งที่มาอ้างอิง: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมการแพทย์ https://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=107282